การจัดการความเสี่ยง เป็นแนวคิดสำคัญในการลงทุนที่ Dr. Alexander Elder แนะนำเพื่อช่วยให้นักลงทุนควบคุมความเสี่ยงและรักษาพอร์ตการลงทุนได้อย่างยั่งยืน โดยมีการใช้ กฎ 2% และ กฎ 6% ซึ่งช่วยให้นักลงทุนกำหนดขอบเขตของการขาดทุนทั้งในแต่ละตำแหน่งและในระดับพอร์ต การจัดการนี้เน้นการควบคุมความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เพื่อให้การลงทุนมีความมั่นคงแม้ในสภาวะตลาดผันผวน
กฎ 2% สำหรับการจัดการความเสี่ยงต่อตำแหน่ง
กฎ 2% ของ Dr. Elder เน้นให้ความเสี่ยงในแต่ละตำแหน่งไม่เกิน 2% ของ Equity ทั้งหมด Position Risk นี้ช่วยป้องกันการขาดทุนที่มากเกินไปในแต่ละการลงทุน ตัวอย่างเช่น หาก Equity มีค่าเท่ากับ 1,000,000 บาท นักลงทุนควรจำกัดการเสี่ยงไม่ให้เกิน 20,000 บาทสำหรับการลงทุนใดๆ กฎนี้ทำให้พอร์ตมีความเสถียรขึ้นและลดความเสี่ยงในระยะยาว
กฎ 6% สำหรับการจัดการความเสี่ยงรายเดือน
นอกจากการกำหนดความเสี่ยงในแต่ละตำแหน่งแล้ว Dr. Elder ยังแนะนำให้จำกัดขอบเขตความเสี่ยงรวมของพอร์ตในเดือนหนึ่งไม่เกิน 6% ของ Equity ทั้งหมด หากความขาดทุนสะสมเกิน 6% นักลงทุนควรหยุดการลงทุนในเดือนนั้น แนวทางนี้ช่วยป้องกันไม่ให้พอร์ตได้รับผลกระทบจากการขาดทุนที่หนักเกินไปในเดือนเดียว ซึ่งช่วยรักษาความมั่นคงของพอร์ตได้ในระยะยาว
การใช้ Position Sizing เพื่อกำหนดขนาดการลงทุน
การกำหนดขนาดการลงทุน หรือ Position Sizing เป็นเทคนิคที่ช่วยให้นักลงทุนคำนวณจำนวนหุ้นหรือสินทรัพย์ที่เหมาะสมที่จะลงทุน โดยไม่เกินขอบเขตของความเสี่ยงที่กำหนดไว้ ตัวอย่างเช่น หากนักลงทุนต้องการตั้ง Stop Loss ที่ 10% ของราคาซื้อ Position Sizing จะช่วยคำนวณขนาดการลงทุนที่ทำให้การขาดทุนไม่เกินตามเกณฑ์กฎ 2% การใช้ Position Sizing ร่วมกับการวางแผน Stop Loss ทำให้การลงทุนในแต่ละตำแหน่งมีการควบคุมความเสี่ยงอย่างเหมาะสม
ข้อดีของการใช้กฎ 2% และ 6% ในการจัดการความเสี่ยง
กฎ 2% และ 6% ช่วยให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างมั่นคงและมีประสิทธิภาพ โดยการจำกัดขนาดการขาดทุนในแต่ละตำแหน่งและลดผลกระทบจากความผันผวนในระดับพอร์ต แนวทางนี้ช่วยลดโอกาสการขาดทุนหนักและเพิ่มโอกาสในการรักษาผลตอบแทนที่ยั่งยืน นักลงทุนสามารถมั่นใจได้ว่าพอร์ตการลงทุนของตนจะไม่ถูกกระทบจากการขาดทุนในระยะสั้นเกินไป
การกำหนด Stop Loss เพื่อจำกัดความเสี่ยง
การตั้ง Stop Loss เป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันความเสี่ยงที่สำคัญ ช่วยจำกัดการขาดทุนในกรณีที่การลงทุนไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง นักลงทุนสามารถกำหนดจุดขายได้ตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสม การวางแผนการตั้ง Stop Loss ควบคู่กับ Position Sizing ช่วยให้มั่นใจว่าการลงทุนมีการป้องกันความเสี่ยงและช่วยลดการขาดทุนที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว
การวางแผนการลงทุนโดยใช้กฎของ Dr. Elder
นักลงทุนสามารถปรับใช้กฎการจัดการความเสี่ยงของ Dr. Elder เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน โดยการวางแผนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด เช่น หากตลาดมีความผันผวนสูง นักลงทุนอาจเลือกที่จะลดขนาดการลงทุนหรือหยุดการลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงเพิ่มเติม แนวทางนี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับตัวและรักษาความมั่นคงของพอร์ตการลงทุนได้แม้ในช่วงที่ตลาดไม่เอื้ออำนวย
คำถาม
- หลักการ 2% Rule และ 6% Rule ของ Dr. Elder มีที่มาอย่างไร?
- การกำหนดจุด stop loss ตามหลักของ Dr. Elder ควรพิจารณาอย่างไร?
- เมื่อใดควรหยุดเทรดชั่วคราวตามหลักการของ Dr. Elder?
- การนับความเสียหายแบบรายเดือนมีข้อดีอย่างไร?
- หลักการบริหารความเสี่ยงแบบ portfolio approach ของ Dr. Elder มีอะไรบ้าง?
สรุป
การจัดการความเสี่ยงโดยใช้ กฎ 2% และ กฎ 6% ของ Dr. Elder เป็นแนวทางที่ช่วยลดโอกาสขาดทุนที่รุนแรง กฎ 2% ช่วยควบคุมขนาดความเสี่ยงของตำแหน่ง ขณะที่กฎ 6% ควบคุมความเสี่ยงรวมในเดือน การใช้ Position Sizing และการตั้ง Stop Loss ทำให้การลงทุนมีการควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสมและเพิ่มความเสถียรของพอร์ตในระยะยาว การใช้กฎเหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่มีประสิทธิภาพและทนทานต่อความผันผวนของตลาด
คำสำคัญ: การจัดการความเสี่ยง, Position Sizing, กฎ 2%, กฎ 6%, Stop Loss
อ้างอิง: D302 Risk Management by Dr Elder
โพสนี้ถูกสรุปสั้นๆโดย A.I. เพื่อใช้ทวนจาก VDO อ้างอิง ผู้เรียนควรต้องดูวิดีโอนั้นๆ