การทำ In-Sample และ Out-of-Sample ในการทดสอบกลยุทธ์การลงทุนด้วย AmiBroker สำหรับมือใหม่

ในการพัฒนากลยุทธ์การลงทุน สิ่งสำคัญไม่เพียงแต่การเขียนโค้ดและทดสอบกลยุทธ์นั้น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการตรวจสอบว่ากลยุทธ์ดังกล่าวสามารถทำงานได้ดีทั้งในข้อมูลที่ใช้ทดสอบ (In-Sample Data) และข้อมูลที่ไม่เคยถูกใช้ในการทดสอบ (Out-of-Sample Data) การทดสอบทั้งสองแบบนี้จะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ของเรามีความยั่งยืนและสามารถทำงานได้ในสภาวะตลาดที่แตกต่างกัน

ในบทความนี้เราจะพูดถึงความหมายและการใช้งาน In-Sample และ Out-of-Sample โดยเน้นที่กระบวนการในการใช้ AmiBroker เพื่อทดสอบกลยุทธ์ต่าง ๆ และแสดงตัวอย่างการทำ Backtest ที่ช่วยให้เห็นภาพชัดเจน

In-Sample Data คืออะไร?

In-Sample Data หมายถึงข้อมูลที่เราใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงกลยุทธ์ ตัวอย่างเช่น เมื่อเราสร้างกลยุทธ์การลงทุนขึ้นมาใหม่ เรามักจะใช้ข้อมูลในช่วงเวลาหนึ่งในการทดสอบและปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ในกระบวนการนี้เราอาจทำการ Optimization และปรับแต่งกลยุทธ์หลายครั้งเพื่อให้ได้กำไรสุทธิที่สูงที่สุดหรือความเสี่ยงที่ต่ำที่สุด ซึ่งการทำงานทั้งหมดนี้ถูกทำบนข้อมูลชุด In-Sample

ตัวอย่างในไฟล์อ้างอิงได้ระบุว่ากลยุทธ์ที่ใช้ทดสอบถูกทดสอบในช่วงปี 2011 ถึง 2014 ซึ่งเป็นข้อมูล In-Sample ที่ใช้ในการพัฒนาโค้ดและปรับพารามิเตอร์ต่าง ๆ

Out-of-Sample Data คืออะไร?

Out-of-Sample Data หมายถึงข้อมูลที่เราเก็บไว้เพื่อทดสอบกลยุทธ์หลังจากที่ได้พัฒนากลยุทธ์เสร็จแล้ว เป็นข้อมูลที่ไม่ได้ถูกใช้ในการสร้างหรือปรับแต่งกลยุทธ์ Out-of-Sample มีความสำคัญเพราะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบได้ว่ากลยุทธ์ของเราสามารถทำงานได้ดีในข้อมูลอื่น ๆ ที่ไม่เคยถูกใช้ในการทดสอบมาก่อน ซึ่งเป็นการตรวจสอบว่ากลยุทธ์ของเรามีความยั่งยืนและไม่ใช่แค่การทำงานได้ดีเฉพาะในช่วงที่เราได้ทำการพัฒนามาเท่านั้น (หรือที่เรียกว่า Curve Fitting)

ตัวอย่างในไฟล์กล่าวถึงการทดสอบ Out-of-Sample ในช่วงปี 2007 ถึง 2010 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ได้ถูกใช้ในการพัฒนาและทดสอบกลยุทธ์มาก่อน การทดสอบในช่วงเวลานี้ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ของเราสามารถทำงานได้ดีแม้ในสภาวะตลาดที่แตกต่างไปจากช่วงเวลาที่ใช้ทดสอบใน In-Sample

ทำไมการแบ่งข้อมูลเป็น In-Sample และ Out-of-Sample จึงสำคัญ?

การพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่ดีนั้นไม่ควรพึ่งพาเฉพาะข้อมูลที่ใช้ในการทดสอบเพียงอย่างเดียว เพราะอาจทำให้กลยุทธ์ที่ได้มาเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมเฉพาะในช่วงเวลานั้น ๆ เท่านั้น การทดสอบใน Out-of-Sample ช่วยให้เรารู้ได้ว่ากลยุทธ์สามารถทำงานได้ดีในช่วงเวลาอื่น ๆ หรือไม่ และช่วยลดความเสี่ยงจากการที่กลยุทธ์ถูกปรับแต่งมากเกินไปจนเหมาะกับข้อมูลเฉพาะช่วงเวลาหนึ่ง

ในไฟล์อ้างอิงยังมีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทดสอบ Out-of-Sample เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการปรับแต่งมากเกินไป หรือที่เรียกว่า Curve Fitting ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนควรระมัดระวัง

การทำ Backtest กับ In-Sample และ Out-of-Sample

การทำ Backtest เป็นการทดสอบกลยุทธ์ด้วยข้อมูลในอดีต เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นทำงานได้ดีแค่ไหน ในขั้นตอนนี้เราจะแบ่งข้อมูลออกเป็นสองส่วน ได้แก่ ข้อมูล In-Sample และข้อมูล Out-of-Sample จากนั้นเราจะทดสอบกลยุทธ์บนข้อมูล In-Sample ก่อน เพื่อปรับแต่งและพัฒนา เมื่อได้กลยุทธ์ที่ดีที่สุดแล้วจึงนำไปทดสอบกับข้อมูล Out-of-Sample เพื่อดูว่ากลยุทธ์นั้นสามารถทำงานได้ดีหรือไม่

ตัวอย่างที่กล่าวถึงในไฟล์อ้างอิงมีการทดสอบกลยุทธ์ในช่วงปี 2011 ถึง 2014 ซึ่งเป็นข้อมูล In-Sample ผลการทดสอบแสดงกำไรสุทธิที่สูงและการลดลงของพอร์ต (Max Drawdown) ที่ต่ำ อย่างไรก็ตาม เมื่อทำการทดสอบกับข้อมูล Out-of-Sample ในช่วงปี 2007 ถึง 2010 กลับพบว่าผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่คาดหวัง ทำให้ต้องกลับมาทบทวนและปรับปรุงกลยุทธ์อีกครั้ง

ปัญหา Curve Fitting และวิธีการป้องกัน

Curve Fitting หรือ Overfitting เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อกลยุทธ์ถูกปรับแต่งมากเกินไปจนเหมาะสมกับข้อมูลในอดีตเฉพาะช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่สามารถทำงานได้ดีในช่วงเวลาอื่น ๆ การทดสอบ Out-of-Sample ช่วยลดปัญหานี้ได้ เพราะจะทำให้เรารู้ว่ากลยุทธ์สามารถทำงานได้ดีในสถานการณ์ที่ไม่ได้ถูกใช้ในการทดสอบหรือไม่

ในไฟล์อ้างอิงได้แสดงตัวอย่างการทดสอบที่ชัดเจนว่า กลยุทธ์ที่ทำงานได้ดีในช่วง In-Sample อาจไม่สามารถทำงานได้ดีในช่วง Out-of-Sample ซึ่งเป็นการเตือนให้นักลงทุนต้องระมัดระวังเมื่อทำการปรับแต่งกลยุทธ์

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การทำ In-Sample และ Out-of-Sample อาจดูซับซ้อนและท้าทาย แต่ทุกอย่างเป็นเรื่องของการฝึกฝน การแบ่งข้อมูลและการทดสอบกลยุทธ์ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนได้ในระยะยาว อย่าลืมว่าการเรียนรู้จากการทดสอบและปรับปรุงกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาทักษะและเพิ่มความมั่นใจในการลงทุน

คำถาม

  1. ความสำคัญของ Data Splitting ระหว่าง In Sample และ Out of Sample คืออะไร?
  2. วิธีการตรวจจับ Curve Fitting Problem ทำได้อย่างไร?
  3. การประเมิน Strategy Performance ระหว่างสองช่วงเวลาควรทำอย่างไร?
  4. Market Conditions มีผลต่อการทดสอบ Strategy อย่างไร?
  5. Portfolio Testing มีความสำคัญต่อการพัฒนา Strategy อย่างไร?

สรุป

การแบ่งข้อมูลออกเป็น In-Sample และ Out-of-Sample เป็นขั้นตอนสำคัญในการพัฒนากลยุทธ์การลงทุนที่มีความยั่งยืน การทดสอบ Out-of-Sample ช่วยให้เรามั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ของเราสามารถทำงานได้ดีในทุกสภาวะตลาดและไม่ใช่แค่การทำงานได้ดีเฉพาะในข้อมูลที่ใช้ในการพัฒนา นอกจากนี้การหลีกเลี่ยงปัญหา Curve Fitting ยังช่วยให้กลยุทธ์ที่เราใช้มีความแข็งแกร่งและสามารถนำไปใช้ได้ในระยะยาว

คำสำคัญ: In-Sample, Out-of-Sample, Backtest, Curve Fitting, Overfitting, Optimization

อ้างอิง: E407 In Sample and Out Of Sample for Beginners