สรุปค่าพารามิเตอร์ที่ดีที่สุดจากการ Optimize ใน AmiBroker

ในการวิเคราะห์และทดสอบกลยุทธ์การลงทุน การทำ Optimization เป็นขั้นตอนที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถปรับแต่งค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุน ในบทความนี้เราจะมาสรุปเกี่ยวกับ Finalized Optimized Parameters หรือค่าพารามิเตอร์ที่ได้จากการทำ Optimization ใน AmiBroker ซึ่งได้จากคำบรรยายในวีดีโอที่อธิบายเกี่ยวกับการปรับแต่งค่าพารามิเตอร์เหล่านี้

การสรุปค่าพารามิเตอร์ที่ดีที่สุดจากการ Optimize

ในวีดีโอที่กล่าวถึง เราได้ทำการทดสอบค่าพารามิเตอร์หลายค่า และได้ทำการปรับเปลี่ยนบางค่าให้เหมาะสมขึ้น เช่น การปรับค่า Trailing Stop จากการ Step ทีละ 10 เป็นการ Step ทีละ 5 เพื่อให้ได้ความแม่นยำมากขึ้นในการทดสอบ ผลลัพธ์ที่ได้จากการทดสอบได้แสดงถึงค่าพารามิเตอร์ที่ดีที่สุดที่เราควรนำมาใช้ในการลงทุน

ตัวอย่างเช่น:

  1. Optimize Moving Average Slow: ค่า 350 แสดงให้เห็นว่ามี Max Drawdown อยู่ที่เพียง 13% แต่สามารถสร้างกำไรสุทธิ (Net Profit) ได้ถึง 200 หน่วย ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน
  2. Optimize Moving Average Fast: ค่า 60 ซึ่งเป็นค่าที่ถูกเลือกหลังจากการทดสอบหลายครั้ง และแสดงผลลัพธ์ที่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับพารามิเตอร์อื่น ๆ
  3. Optimize Position Size: ค่า 10 ซึ่งเป็นจำนวนหุ้นที่ถืออยู่พร้อมกันในพอร์ตการลงทุน เป็นค่าที่เหมาะสมในการกระจายความเสี่ยง
  4. Stop Loss: ค่า 15% ถูกตั้งเป็นระดับกลาง ๆ ซึ่งถือว่าไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป ช่วยให้สามารถป้องกันการขาดทุนในกรณีที่ตลาดเกิดความผันผวน
  5. Trailing Stop: ค่า 20% ซึ่งถือว่าต่ำแต่ยังคงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิที่คาดหวังไว้ที่ 213 หน่วย

การวิเคราะห์และตรวจสอบผลลัพธ์จากการ Optimize

หลังจากที่ได้ทำการ Optimize ค่าพารามิเตอร์เหล่านี้เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการนำค่าที่ได้ไปทดสอบเพิ่มเติม โดยเฉพาะการทดสอบแบบ In-Sample และ Out-of-Sample ซึ่งเป็นกระบวนการทดสอบกลยุทธ์ด้วยข้อมูลที่ไม่ได้ถูกใช้ในการ Optimize เพื่อให้มั่นใจว่ากลยุทธ์ที่ได้จะสามารถทำงานได้ดีในทุกสภาวะตลาด

ในขั้นตอนการตรวจสอบผลลัพธ์จากการทำ Backtest เราพบว่า:

  • Net Profit: ที่ได้อยู่ที่ 213 หน่วย ซึ่งเป็นค่าที่ดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงที่ต่ำ (Max Drawdown 13%)
  • Percent Win: หรืออัตราการชนะสูงมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์นี้มีโอกาสทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
  • อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบคือจำนวนการซื้อขาย (Trade) ที่น้อยเกินไป ทำให้จำนวนการซื้อขายต่อปีเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 20 ครั้ง ซึ่งต่ำกว่าค่าที่คาดหวังไว้ (25-30 ครั้งต่อปี)

กำลังใจสำหรับมือใหม่

สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น การทำ Optimization อาจดูซับซ้อนและมีหลายขั้นตอน แต่ความจริงแล้ว ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเรียนรู้และปรับตัว อย่าลืมว่าการทำ Optimization เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งในการปรับปรุงกลยุทธ์ของคุณ เมื่อคุณฝึกฝนและพัฒนาทักษะในการวิเคราะห์และทดสอบ คุณจะสามารถสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์การลงทุนของคุณได้มากขึ้น

ขอให้คุณมีความมุ่งมั่นและไม่ย่อท้อต่อความท้าทายที่พบ การลงทุนเป็นเรื่องของการเรียนรู้ต่อเนื่อง และทุกความพยายามที่คุณทำจะนำคุณไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

คำถาม

  1. การนำ Optimized Parameters ไปใช้งานจริงมีขั้นตอนอย่างไร?
  2. จำนวน Trades Per Year บ่งบอกถึงคุณภาพของ Strategy อย่างไร?
  3. การวิเคราะห์ Equity Curve จากผลการ Optimize ควรทำอย่างไร?
  4. ข้อจำกัดของ Optimized Parameters มีอะไรบ้าง?
  5. การประเมินความน่าเชื่อถือของ Strategy หลังการ Optimize ทำได้อย่างไร?

สรุป

การทำ Optimization ใน AmiBroker เป็นกระบวนการที่สำคัญในการปรับแต่งกลยุทธ์การลงทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ค่าพารามิเตอร์ที่ได้จากการทดสอบ เช่น Moving Average, Position Size, Stop Loss และ Trailing Stop เป็นค่าที่ช่วยให้กลยุทธ์สามารถทำงานได้ดีในสภาวะตลาดปัจจุบัน การนำค่าพารามิเตอร์เหล่านี้ไปทดสอบเพิ่มเติมจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ที่คุณสร้างขึ้นสามารถทำกำไรได้ในระยะยาว

คำสำคัญ: Optimize, Finalized Optimized Parameters, Net Profit, Maximum Drawdown, Walk Forward Analysis

อ้างอิง: E406 Finalized Optimized Parameters for Beginners