10 หลุมพรางที่พบบ่อยในการทดสอบย้อนหลัง (ตอนที่ 2)

Backtesting การทดสอบย้อนหลัง เป็นหนึ่งในขั้นตอนสำคัญสำหรับการประเมินและพัฒนากลยุทธ์การลงทุน แต่อาจมีข้อผิดพลาดที่ทำให้ผลลัพธ์ดูดีเกินจริงหรือไม่สอดคล้องกับสภาพตลาดจริง ในบทความนี้ เราจะมาพิจารณาหลุมพราง 5 ข้อสุดท้ายในการทดสอบย้อนหลัง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถใช้การทดสอบย้อนหลังอย่างมีวิจารณญาณและสร้างผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น

6. ข้อผิดพลาดจากการวิเคราะห์ข้อมูลมากเกินไป (Data Mining Fallacy)

การใช้ข้อมูลมากเกินไปหรือพยายามค้นหาสัญญาณที่เหมาะสมเกินไปอาจนำไปสู่ Data Mining Fallacy ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากการปรับแต่งพารามิเตอร์ให้เหมาะสมเฉพาะกับข้อมูลชุดใดชุดหนึ่ง ทำให้ผลลัพธ์ดูดีเกินจริงในข้อมูลชุดนั้นๆ แต่ไม่สามารถใช้ได้กับข้อมูลหรือสภาพตลาดที่แตกต่างกัน ผู้เรียนควรปรับเกณฑ์การวิเคราะห์ให้ไม่ซับซ้อนเกินไปและหลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลเฉพาะช่วงเวลา เพื่อให้การทดสอบสะท้อนถึงสถานการณ์ที่แท้จริงมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่างเช่น การเลือกข้อมูลจากช่วงเวลาที่ตลาดขึ้นตลอดเวลาและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะกับข้อมูลนั้น อาจทำให้ผลการทดสอบย้อนหลังดูเหมือนว่ามีกลยุทธ์ที่ดี แต่เมื่อใช้จริงในสภาพตลาดที่มีความผันผวนหรือในช่วงตลาดขาลง กลยุทธ์อาจไม่ประสบความสำเร็จ วิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกัน Data Mining Fallacy คือการใช้ข้อมูลที่หลากหลายจากหลายช่วงเวลา หรือทดสอบกลยุทธ์บนข้อมูลในตลาดขาขึ้นและขาลง เพื่อให้เห็นภาพรวมที่แท้จริงและผลลัพธ์ที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง

7. การเลือกเกณฑ์เปรียบเทียบผิด (Use the Wrong Benchmark)

การเลือก Benchmark หรือเกณฑ์เปรียบเทียบที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้ผลการทดสอบย้อนหลังไม่สะท้อนถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนของกลยุทธ์ได้อย่างแท้จริง เช่น การใช้ดัชนีที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่นำมาใช้จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน การเลือกเกณฑ์เปรียบเทียบที่เหมาะสมจะช่วยให้ผลการทดสอบย้อนหลังน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นและสะท้อนถึงความเป็นไปได้ในการใช้กลยุทธ์ในตลาดจริง

ตัวอย่างเช่น หากกลยุทธ์ที่ทดสอบมุ่งเน้นไปที่หุ้นขนาดเล็ก แต่เกณฑ์เปรียบเทียบที่เลือกใช้เป็นดัชนีของหุ้นขนาดใหญ่ เช่น S&P 500 การทดสอบย้อนหลังอาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน ดังนั้นควรเลือกเกณฑ์เปรียบเทียบที่สอดคล้องกับกลุ่มหุ้นที่มุ่งเน้น เช่น ดัชนีของหุ้นขนาดเล็ก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สะท้อนถึงความเสี่ยงและผลตอบแทนของกลยุทธ์ที่แท้จริง

8. กลยุทธ์ที่พึ่งพาเงื่อนไขเฉพาะเจาะจง (Stateful Strategy Luck)

กลยุทธ์ที่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขเฉพาะเจาะจง เช่น การซื้อขายในวันหรือช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น อาจทำให้ผลลัพธ์ดูดีเฉพาะในบางสถานการณ์เท่านั้น เช่น การเลือกวันที่มีผลกำไรสูงหรือช่วงเวลาที่มีความผันผวนต่ำเป็นพิเศษเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดูดี วิธีการทดสอบกลยุทธ์นี้อาจให้ผลลัพธ์ที่ไม่คงที่และอาจไม่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในตลาดจริง

การลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดนี้ทำได้โดยการทดสอบกลยุทธ์กับข้อมูลที่มีความหลากหลาย เช่น การทดสอบด้วย Walk Forward Analysis หรือ Random Walk Forward Analysis ซึ่งเป็นการทดสอบกับข้อมูลหลายชุดในสภาพตลาดที่หลากหลาย นอกจากนี้ยังสามารถใช้การกำหนดเกณฑ์ขั้นต่ำในการทดสอบ เช่น การกำหนดจำนวนครั้งในการซื้อขายต่อปี และการวิเคราะห์การเดินแบบสุ่ม เพื่อให้เห็นถึงความเสถียรและประสิทธิภาพของกลยุทธ์ในระยะยาว

9. การซื้อที่ราคาเปิด (Buy at Open)

การตั้งคำสั่งซื้อที่ ราคาเปิด เป็นกลยุทธ์ที่อาจมีความเสี่ยงสูงในการทดสอบย้อนหลัง เนื่องจากราคาเปิดในตลาดจริงมักมีความผันผวนสูง การทดสอบที่ใช้ราคาเปิดอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนและไม่สะท้อนถึงการซื้อขายจริงได้ดี การตั้งค่า Slippage ที่เหมาะสมในโปรแกรมการทดสอบ เช่น AmiBroker และการกำหนดราคาที่ไม่ยึดติดกับราคาเปิดเพียงอย่างเดียว จะช่วยให้ผลการทดสอบย้อนหลังใกล้เคียงกับสภาพตลาดจริงมากขึ้น

การตั้งค่า Slippage ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดจริง เช่น การตั้งค่าให้สูงขึ้นในช่วงที่ตลาดมีวอลุ่มต่ำ จะช่วยให้ผลลัพธ์การทดสอบใกล้เคียงกับความเป็นจริงและสามารถสะท้อนถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ผู้เรียนควรพิจารณาการใช้ราคาปิดหรือราคากลางในช่วงเปิดเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากการใช้ราคาเปิดอย่างเดียว ซึ่งจะช่วยให้ผลการทดสอบสอดคล้องกับการซื้อขายจริงมากขึ้น

10. ความเชื่อในโมเดลที่ซับซ้อนเกินไป (Trust Complex Models)

การใช้ โมเดลที่ซับซ้อน มากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด Overfitting หรือการปรับพารามิเตอร์ให้เหมาะสมเฉพาะกับข้อมูลชุดนั้น ทำให้ไม่สามารถนำไปใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างได้ การทดสอบย้อนหลังที่ใช้โมเดลที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนเกินไปจะช่วยลดความเสี่ยงนี้และทำให้ผลลัพธ์น่าเชื่อถือยิ่งขึ้น โมเดลที่ไม่ซับซ้อนจะช่วยให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับความเป็นจริงและสามารถมองเห็นผลกระทบที่แท้จริงของกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น

เพื่อป้องกันไม่ให้เกิด Overfitting ควรตั้งค่าเงื่อนไขขั้นต่ำในการทดสอบ เช่น การกำหนดจำนวนการซื้อขายต่อปีและการตั้งค่าเงื่อนไขการซื้อขายที่ไม่ซับซ้อน ซึ่งช่วยให้การทดสอบย้อนหลังมีความน่าเชื่อถือและมีประสิทธิภาพ การใช้การทดสอบแบบ Monte Carlo Walk Forward Analysis หรือการตั้งค่าให้เกิดการทดสอบแบบ Walk Forward จะช่วยให้ผู้เรียนสามารถทดสอบกลยุทธ์ในหลายสถานการณ์และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาโมเดลที่ซับซ้อนเกินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คำถาม

  1. Mine Data Fallacy ส่งผลต่อการทำ Backtesting อย่างไร
  2. การใช้ Benchmark ที่ไม่เหมาะสมส่งผลต่อการทดสอบอย่างไร
  3. อะไรคือ Stateful Strategy Luck และมีข้อควรระวังอย่างไร
  4. การใช้ Open Price ในการทำ Backtesting มีปัญหาอย่างไร
  5. ทำไมโมเดลที่ซับซ้อนจึงไม่เหมาะกับการทำ Backtesting

สรุป

ในการทดสอบย้อนหลัง ผู้เรียนควรระมัดระวัง หลุมพราง หลายประการที่อาจทำให้การทดสอบดูดีเกินจริงหรือไม่สอดคล้องกับตลาดจริง เช่น Data Mining Fallacy, การเลือก Benchmark ที่ไม่เหมาะสม, และ ความเชื่อในโมเดลที่ซับซ้อนเกินไป โดยการทดสอบด้วยวิธีการที่หลากหลายและการตั้งค่า Slippage ให้เหมาะสม จะช่วยให้ผลการทดสอบมีความแม่นยำและสอดคล้องกับการลงทุนในสภาพตลาดจริง ผู้เรียนควรนำข้อแนะนำเหล่านี้ไปปรับใช้ในการทดสอบเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการลงทุนในระยะยาว

คำสำคัญ: การทดสอบย้อนหลัง, Data Mining Fallacy, Benchmark, กลยุทธ์, โมเดล
อ้างอิง: D409 Ten Ways Backtest Lies Part 2 of 2